หากสมองฉันไม่ได้ฟั่นเฟือน

239 บาท
หากสมองฉันไม่ได้ฟั่นเฟือน
หากสมองฉันไม่ได้ฟั่นเฟือน
รหัสสินค้า / Barcode: 9786169373124
ปกติ: 265 บาท
ขาย:239 บาท

ISBN : 9786169373124
โดย : ยามาชิโระ อาซาโกะ (โอตสึ อิจิ)
แปล : พรพิรุณ กิจสมเจตน์
สำนักพิมพ์ : สำนักพิมพ์ ฮัมมิงบุ๊คส์ (HUMMING BOOK)
อื่นๆ : 224 หน้า

ผลงานสุดสะเทือนอารมณ์เรื่องเยี่ยมจากผู้เขียนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘นักเขียนอัจฉริยะไอเดียแหวกแนว’
.
รวม 7 เรื่องสั้นเกี่ยวกับ ‘ความสูญเสีย’ ที่เข้าถึงเบื้องลึกของอารมณ์
แม่ผู้ทำความรักที่มีต่อลูกหล่นหาย / นักเขียนผู้หมดสิ้นเรื่องราวที่อยากเขียน / หญิงผู้ถูกอดีตสามีพรากชีวิตลูกน้อยไปต่อหน้าต่อตา / คู่รักผู้สามารถหยั่งรู้อนาคตโดยแลกกับความทรงจำ / สองสามีภรรยาผู้ถูกรบกวนชีวิตประจำวันเพราะจู่ๆ มองเห็นวิญญาณ / เด็กสาวผู้พลาดพลั้งเสียชีวิตในอุบัติเหตุ / ไก่ประหลาดที่แม้คอขาดก็ยังมีลมหายใจ

หลากเรื่องราวซึ่งอวลด้วยความรันทดทว่างดงาม ที่จะมอบแสงสว่างแห่งความหวังแก่ผู้ที่ต้องเผชิญความสูญเสีย ให้ก้าวเดินต่อไปได้แม้ในใจจะหม่นเศร้า
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ข้อความจากในเรื่อง :

  1. เขาขึ้นชื่อว่าเป็นคนเหลาะแหละ ทำอะไรก็ทิ้งขว้างกลางคัน ไม่เคยสำเร็จสักอย่าง ทั้งยังเอาแต่โอดครวญ ถ้าไม่ได้พึ่งพิงคนอื่นคงเอาตัวไม่รอด แต่ผมกลับเข้าใจหัวอกมนุษย์อย่างเขา แสดงว่าผมเองต้องเป็นมนุษย์ประเภทเดียวกันแน่ๆ (หน้า 83)
  2. ผมไม่รู้หรอกว่ามนุษย์ตัวจ้อยอย่างเรา จะดิ้นรนขัดขืนกระแสคลื่นมหึมาที่เรียกว่า ‘โชคชะตา’ ได้แค่ไหน (หน้า 90)
  3. ‘นักเขียนนวนิยาย’ เป็นมนุษย์กลุ่มพิเศษที่มีโอกาสประสบเหตุลี้ลับเหนือธรรมชาติสูงกว่าคนทั่วไป เวลาประจันหน้ากับต้นฉบับ เราจำเป็นต้องตั้งสมาธิให้แน่วแน่ เปลือกนอกที่สร้างขึ้นห่อหุ้มจิตใจเพื่อให้ดำเนินชีวิตประจำวันได้ราบรื่นจึงกะเทาะหลุดล่อน กล่าวกันว่าสิ่งนี้เองเป็นเหตุให้เกิดแรงดึงดูดวิญญาณเข้าหาตัว (หน้า 96)
  4. นักเขียนเมื่อไร้ผลงานย่อมไม่ต่างกับไร้อาชีพ (หน้า 98)
  5. เมื่อพบต้นอ่อนพร้อมจะงอกงามเป็นเรื่องเล่า พวกเราเหล่านักเขียนมักปลาบปลื้มเป็นสุข หากไม่รีบยื่นสองมือคว้ามาประคอง คอยระวังไม่ให้ร่วงหล่นผ่านช่องว่างระหว่างนิ้ว มันย่อมสลายหายวับราวกับควัน (หน้า 106)
  6. ผมลืมไปนานมากเหลือเกิน ความรู้สึกที่จู่ๆ ก็นึกอยากเขียนขึ้นมา เหมือนสายฟ้าแล่นปราดตลอดแกนร่างกาย หากเป็นจิตรกร...พวกเขาคงถ่ายทอดมโนทัศน์เหล่านั้นเป็นภาพวาด เพื่อให้ภาพในจินตนาการประจักษ์ต่อสายตาผู้คน แต่สำหรับผม...มีเพียงตัวอักษรเท่านั้นเป็นเครื่องมือ (หน้า 106)
  7. ในฐานะเพื่อนเก่า...ฉันควรแสดงความห่วงใยพวกเธอหรือเปล่า ถ้าได้ติดต่อกันบ้าง ได้ไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ เป็นที่ระบายให้คำปรึกษา เรื่องเลวร้ายเช่นนี้อาจไม่เกิดขึ้น (หน้า 119)
  8. ฉันเกลียดตัวเองสมัยก่อนเข้าไส้ วันๆ เอาแต่ทุ่มเทพลังงานเพื่อต่อต้านพวกผู้ใหญ่ แต่แล้วทุกอย่างกลับสูญเปล่า (หน้า 119)
  9. แม่เคยรักฉันบ้างหรือเปล่านะ ถ้าแม่รัก...ตัวฉันในสมัยมัธยมอาจไม่ใช้ชีวิตเหลวแหลกเหมือนที่ผ่านมาใช่ไหม แต่แม่ย่อมมีชีวิตของแม่ การถูกสามีตอบแทนความรักด้วยการหักหลัง อาจทำให้แม่สิ้นหวังจนหมดอาลัยตายอยากก็ได้ ตัวฉันในยามนี้เป็นผู้ใหญ่พอจะเริ่มเข้าใจแล้ว (หน้า 140)
  10. ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง คำพูดของคนที่ชั่วชีวิตนี้ไม่มีวันโคจรมาพบกัน ฉันไม่จำเป็นต้องใส่ใจ (หน้า 149)
  11. อดีตสามีพาลูกสาวกระโจนสู่ความตายต่อหน้าต่อตาฉัน จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต...เขาก็ยังอยากทำร้ายให้ฉันเจ็บปวด หวนนึกขึ้นมาทีไร คลื่นอารมณ์ทั้งหลายมักซัดกระหน่ำจนสมองปั่นป่วน สุดท้ายก็รู้สึกเหมือนถูกผลักลงหุบเหวมืดมิด (หน้า 153)
  12. จริงอยู่ว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ฉันหัวใจสลาย แต่แม่ก็เป็นอีกคนที่ถูกผลักสู่ความมืดมิดเวิ้งว้าง ถึงอย่างนั้นท่านกลับฝืนทำตัวร่าเริง คอยโอบกอดแม้ฉันพยายามฆ่าตัวตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันรู้สึกขอบคุณแม่เหลือเกิน จึงตั้งใจจะไม่ทำให้ท่านเป็นห่วงอีก ฉันต้องรีบยืนขึ้นด้วยขาของตัวเอง ไม่ต้องให้แม่คอยประคอง และกลับไปใช้ชีวิตในสังคมตามปกติให้เร็วที่สุด (หน้า 155)
  13. ต่อให้ทุกข์ทรมานแค่ไหน ขอเพียงไม่ถูกพรากลูกจากอก ฉันทนได้ทั้งนั้น (หน้า 161)
  14. พวกเขาไม่ได้ทำตาดุดันน่ากลัวเหมือนยักษ์มาร ถ้าจะให้อธิบายคงต้องบอกว่า แววตาของพวกเขาสะท้อนความเวทนาจนพูดอะไรไม่ออก สิ่งนี้ต่างหากที่ทำให้ฉันกลัวจับใจ (หน้า 172)
  15. เทวดาที่ตกหลุมรักมนุษย์ และตัดสินใจลงมาใช้ชีวิตยังโลกมนุษย์กับผู้เป็นที่รัก...มากกว่าจะมีชีวิตอมตะ สำหรับฉันช่างเป็นเรื่องแสนวิเศษ (หน้า 201)
  16. ต่างคนต่างมีเส้นทางชีวิตของตนเอง ทุกชีวิตเอ่อล้นด้วยความสุข ขณะเดียวกันก็ท่วมท้นด้วยความเศร้า (หน้า 223)