อำลาอาลัย “ชินจิ วาดะ” (Shinji Wada) ผู้สร้างตำนาน “สิงห์สาวนักสืบ”

ลาโลกแล้วนักเขียนการ์ตูนชื่อดัง “ชินจิ วาดะ” (Shinji Wada) ที่เสียชีวิตด้วยวัย 61 ปี ปิดตำนานนักเขียนการ์ตูนผู้สร้างสรรค์ผลงานชื่อดังมากมายในยุค 80s ไม่ว่าจะเป็น “เจ้าหนูผจญภัย” หรือสุดยอดการ์ตูนนักสืบสาว Sukeban Deka ที่ถูกนำไปดัดแปลงเป็นทีวีซีรีส์สำหรับฉายทางโทรทัศน์ และได้รับการจดจำจนถึงทุกวันนี้

ทีมงานจากสำนักพิมพ์ Hakusensha และ Akita Shoten เป็นผู้ยืนยันข่าวการเสียชีวิตของ ชินจิ วาดะ นักเขียนการ์ตูนชื่อดัง ที่สิ้นลมลงด้วยวัย 61 ปีในวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา ด้วยอาการของโรคหัวใจขาดเลือด เป็นข่าวเศร้าของแฟนๆ ผู้ติดตามผลงาน ของนักเขียนการ์ตูนผู้ยิ่งใหญ่ ที่มีผลงานได้รับความนิยม และถูกดัดแปลงไปเป็นทั้งหนังและอนิเมะ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งแห่งความบันเทิงจากญี่ปุ่นในยุค 80s

ชินจิ วาดะ เป็นชาว คุเระ จังหวัดฮิโรชิม่า เกิดเมื่อวันที่ 19 เม.ย. 1950 จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเอกชนโตไค ในกรุงโตเกียว และก้าวเข้าสู่วงการน้ำหมึก ในปี 1971 หรือเมื่อเขามีอายุได้ 21 ปี เมื่อผลงานเรื่อง Ai to Shi no Sunadokei ได้ถูกคัดเลือกให้ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Besatsu Margaert หลังจากนั้นชื่อของเขาก็เข้าไปอยู่ในวงการการ์ตูนของญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ

ตลอดการทำงานกว่า 40 ปี ชินจิ วาดะ มีผลงานออกสู่สายตาของนักอ่านมากมาย แต่งานที่ถือว่าโด่งดังเป็นที่รู้จักมากที่สุดก็คือ การ์ตูนชุด Sukeban Deka นั่นเอง

“สิงห์สาวนักสืบ” : สาวสวย, โรงเรียนมัธยม และลูกดิ่งโยโย่

ในปี 1976 จากความเข้าใจผิดระหว่างตัวของผู้เขียนเอง ที่ตั้งใจจะให้ผลงานเรื่องใหม่ของตัวเอง เป็นเรื่องราวดราม่าในรั้วโรงเรียนมัธยม แต่บรรณาธิการจากสำนักพิมพ์ Hakusensha กลับไปเข้าใจว่าเขาจะเขียนการ์ตูนแนวนักสืบ แต่แล้ว ชินจิ วาดะ กลับนำทั้งสองแนวทางมาผสมผสานกัน สร้างสรรค์ตัวละคร “สิงสาวนักสืบ” นักสู้สาว อาซามิยะ ซากิ ผู้ใช้ลูกดิ่งเป็นอาวุธขึ้นมา จนกลายเป็นตัวละครที่ครองใจทั้งเด็กผู้ชาย และเด็กผู้หญิงในเวลานั้น

การ์ตูนว่าด้วยเรื่องราวของนักสืบสาวในโรงเรียนมัธยมเรื่องนี้ ถูกตีพิมพ์ครั้งแรก ในนิตยสาร Hana to Yume ของ Hakusensha ระหว่างเดือน ก.ย. 1976 - ธ.ค. 1982 กับฉบับรวมเล่ม 22 เล่ม แต่สิ่งที่ทำให้ผลงานชิ้นนี้โด่งดังยาวนาน และยังอยู่ในความทรงจำของหลายๆคน ก็คือการที่มันได้ถูกนำไปดัดแปลงต่อยอดเป็นงานอีกหลายๆประเภท โดยเฉพาะฉบับซีรีส์สำหรับออกอากาศทางโทรทัศน์ที่โด่งดังคลาสสิกจนถึงทุกวันนี้

บริษัทผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ Toei เป็นผู้ผลิตทีวีซีรีส์เรื่อง Sukeban Deka ให้กับ Fuji TV ในเดือน เม.ย. 1985 และสร้างต่อเนื่องออกมาถึง 3 ภาคกับการต่อสู้ สืบสวนสอบสวนของนักสืบสาวสวยเจ้าของอาวุธ “ลูกดิ่งโยโย่” ที่ได้ดาราไอดอลสาวสวยมารับบทเด่นมากมาย โดยในภาคแรก ได้นักร้องสาว ยูกิ ไซโตะ มารับบทเป็น อาซามิยะ ซากิ ต่อมาในภาคสอง หรือ Sukeban Deka II มีการเปลี่ยนตัวเอกมาเป็นสาวลึกลับ "โยโกะ โกได" ผู้สวมหน้ากากเหล็ก ที่ได้ไอดอลสาวสวยคนดังขวัญใจหลายๆ คนในยุคนั้นอย่าง โยโกะ “นันโนะ” มินามิโนะ มารับบทนำ และภาคสุดท้าย Sukeban Deka III มี ยูอิ อาซากะ มาสวมบทบาทเป็นเป็น ยูอิ คาซาม่า สิงห์สาวนักสืบคนใหม่

ยูกิ ไซโตะ กับ โยโกะ มินามิโนะ ยังได้ไปร่วมแสดงใน Sukeban Deka ฉบับภาพยนตร์ที่มีสร้างกันออกมา 2 ภาค (มินามิโนะ แสดงแค่ภาคแรกเท่านั้น) นอกจากนั้นเมื่อ 5 ปีก่อน ผู้กำกับ เคนตะ ฟุกาซากุ ยังนำ Sukeban Deka กลับมาสร้างใหม่เป็นตอนที่ 3 ของหนังชุดนี้ ใช้ชื่อว่า Sukeban Deka: Codename = Asamiya Saki และได้ ไอดอลสาว อายะ มัตสึอูระ รับบทนำ โดยหนังได้รับการจัดจำหน่ายในหลายๆประเทศภายใต้ชื่อ Yo-Yo Girl Cop ด้วย

Sukeban Deka ยังถูกดัดแปลงเป็น เกม, อนิเมชั่น เรียกว่าเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งแห่งวงการบันเทิงยุค 80s จากแดนอาทิตย์อุทัย ขณะที่ฉบับทีวีซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดนั้น ก็ยังได้เข้ามาแพร่ภาพในประเทศไทย ผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 โดยการนำเข้ามาของบริษัท “รัชฟิล์ม” และโด่งดังเป็นพลุแตกเช่นเดียวกัน

“ชินจิ วาดะ” ยอดนักเขียนครองใจนักอ่านทั้งหญิงและชาย

ด้วยลายเส้นสวยงามพริ้วไหวเหมือนการ์ตูนผู้หญิง แต่บอกเล่าเรื่องราว การต่อสู้ผจญภัยอันสนุกสนานเพลิดเพลิน ไม่ว่าจะในฉากหลัง โรงเรียนมัธยม, เรื่องราวย้อนยุค อ้างอิงทั้ง เทพปกรณัม, นิยายคลาสสิก หรือประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ผลงานของ ชินจิ วาดะ จึงได้รับความนิยมทั้งในหมู่นักอ่านทั้งชายและหญิง

หนึ่งในผลงานอันโด่งดังของเขาได้แก่ Pygmalio (เจ้าหนูผจญภัย) ที่เล่าเรื่องราวของเด็กชายลูกครึ่งมนุษย์เทพเจ้า ที่เดินทางเพื่อปราบนางมารร้ายเมดูซ่าผู้ทำให้มารดาของเขากลายเป็นหิน ก็ประสบความสำเร็จเป็นที่รู้จักมากมาย และยังถูกดัดแปลงไปเป็นการ์ตูนอนิเมชั่นด้วย

สำหรับผลงานล่าสุด ที่อาจารย์ชินจิ วาดะ ทิ้งเอาไว้ก่อนจะเสียชีวิตก็มีทั้ง Kugutsushi Rin (ปริศนาตุ๊กตาพิศวง) ที่ยังคงลงตีพิมพ์ต่อเนื่องในนิตยสาร Mystery Bonita และ Crown ที่เขาแต่งเรื่องให้ ยู ฮิกูริ นักเขียนรุ่นน้อง วาดภาพลงตีพิมพ์ใน Princess ของ Akita Shoten

Manager Online