แก้เบาหวาน ด้วยรหัสเซอร์เคเดียน

The Circadian Diabetes Code

โดย : ดร.สาทชิน พันดา (PhD. Satchin Panda)
แปล : รัฐพร สมรรถมานะกิจ
สำนักพิมพ์ : Freemind
อื่นๆ : 368 หน้า

คนจำนวนไม่น้อยเข้าใจว่า “โรคเบาหวาน” เป็นโรคของผู้สูงอายุ และอีกส่วนหนึ่งเชื่อว่าเป็นโรคทางพันธุกรรม ซึ่งเราไม่สามารถป้องกัน จัดการ หรือแก้ไขอะไรได้ ทว่าความจริงแล้ว โรคเบาหวานไม่ใช่โรคเฉพาะของผู้สูงอายุ และเราทุกคนล้วนแล้วแต่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งจากพันธุกรรมที่ส่งทอดจากรุ่นสู่รุ่น จากอาหารที่เรากิน และจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต

นอกจากอาการจากภัยเงียบอย่างโรคเบาหวานที่ทำให้ร่างกายทรุดโทรมแล้ว เบาหวานยังเป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดโรคอื่นๆ ในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases: NCDs) อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคหลอดเลือดและหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง โรคสมองเสื่อม โรคไต ฯลฯ

ฟังดูแล้วช่างเป็นสถานการณ์ที่น่ากังวลใจ ทว่าก็ยังมีวิธีการรับมือ และมีทางออกในการจัดการกับภัยเงียบที่คอยคุกคามสุขภาพของเราและสุขภาพของคนที่เรารัก แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ยังคงส่องสว่างสำหรับผู้ที่ต้องป้องกันและรักษาโรคเบาหวาน และภาวะก่อนเบาหวาน ให้สามารถย้อนกลับคืนสุขภาพสู่ภาวะปกติได้ ไม่ใช่ด้วยการกินยาเพื่อรักษา แต่เป็นการจำกัดเวลาการกิน หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า อินเทอร์มิตเทนต์ ฟาสติง หรือ “การทำไอเอฟ” (intermittent fasting: IF) และการปรับวงจรการใช้ชีวิตด้าน “การกิน - การนอน - การออกกำลังกาย” ให้เหมาะสมตามนาฬิกาชีวภาพของร่างกายและอวัยวะส่วนต่างๆ เพื่อย้อนกลับภาวะเบาหวานให้คืนสู่ระดับปกติของร่างกาย ดังที่ ดร.สาทชิน พันดา นักวิทยาศาสตร์อาวุโสจากสถาบันซอล์ก (Salk Institute) และผู้เขียน The Circadian Code (ศาสตร์แห่งนาฬิกาชีวภาพ ที่บ่งชี้ว่า ทุกเซลล์ในร่างกายมนุษย์นั้นมีนาฬิกาที่คอยกำหนดเวลาอันเหมาะสมสำหรับการทำงานของเซลล์แต่ละเซลล์) ได้มาแบ่งปันความรู้และโปรแกรมการปฏิบัติที่เป็นนวัตกรรมการค้นพบล่าสุดของเขาไว้ในหนังสือเล่มนี้

จากการทุ่มเทศึกษา วิจัย ค้นคว้า และทดลอง เป็นเวลาหลายปี ทั้งในห้องทดลองและในอาสาสมัครผู้เข้าร่วมวิจัยทั่วโลกหลายพันคน กลั่นกรองสู่องค์ความรู้ของการ “แก้ไขเบาหวาน ด้วยรหัสเซอร์เคเดียน” ที่สามารถปฏิบัติได้จริงในชีวิตประจำวันและได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งนอกจากระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลงจนอยู่ในเกณฑ์ปกติแล้ว แน่นอนว่า สุขภาพโดยรวมดีขึ้นและแข็งแรงขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นระดับคอเลสเตอรอลและน้ำหนักตัวที่ลดลง ตลอดจนการทำงานของอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายที่สมดุลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น