วันวานสุดอาภัพ เล่ม 01 (นิยาย)

288 บาท
วันวานสุดอาภัพ เล่ม 01 (นิยาย)
วันวานสุดอาภัพ เล่ม 01 (นิยาย)วันวานสุดอาภัพ เล่ม 01 (นิยาย)
รหัสสินค้า / Barcode: 9786164890725
ปกติ: 320 บาท
ขาย:288 บาท

Sonomono Nochini

ISBN : 9786164890725
ผู้แต่ง : นาฮาโตะ (NAHAaTo)
ผู้วาด : มิยะ คาซุโทโมะ (Kazutomo Miya)
แปล : -
ลิขสิทธิ์ : Earth Star Entertainment Co., Ltd.
อื่นๆ : - หน้า

มันเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อไหร่กันนะ......คิดว่า น่าจะผ่านไปสองปีได้แล้วมั้ง?
ชื่อของผมคือ “วาซุ” เป็นเด็กหนุ่มผมดำที่อายุอานามเพิ่งแตะสิบห้าปีได้หมาดๆ รูปร่างไม่สูงไม่เตี้ย ไม่อ้วนไม่ผอม เป็นเด็กหนุ่มธรรมดาๆ ที่น่าจะหาได้ทั่วไป
ผมอาศัยอยู่ในเมืองหลวงของราชอาณาจักรอิสคอร์ร่วมกับพ่อแม่ที่เป็นชาวเมืองสามัญชนและอัจฉริยะแสนน่ารัก ซึ่งอัจฉริยะแสนน่ารักที่ว่านี้ก็คือน้องสาวของผมที่อายุน้อยกว่าสองปีและได้รับคำชมจากผู้คนรอบตัวอยู่ตลอด เรื่องนี้ทำให้ผมกลายเป็นพี่ชายแสนธรรมดาที่มีดีแค่น้องสาวเก่งเท่านั้น
แต่ว่า แม้แต่สามัญชนคนรากหญ้าอย่างผมก็ยังมีเพื่อนสมัยเด็กวัยเดียวกันที่ตัวเองรู้สึกภาคภูมิใจอยู่ด้วย
ชื่อของเพื่อนสมัยเด็กคนนี้ก็คือ “อาเรีย”
นางมีเส้นผมสีทองที่ทอประกายเหมือนเส้นไหมสูงค่า ดวงตาสีฟ้าที่ทำให้รู้สึกถึงความอ่อนโยน ใบหน้างามได้รูปที่ยังหลงเหลือความงามของวัยดรุณแต่ก็สามารถเดาได้ไม่ยากว่าเมื่อเติบโตแล้วจะงดงามสักเพียงใด รูปร่างก็สมส่วน
ส่วนนิสัย......ภายนอกจะเป็นคนที่ดูอ่อนโยนกับทุกคนโดยไม่มีแบ่งแยกรวมถึงยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา จะมีก็แต่เวลาที่อยู่กับผมที่จะเปิดเผยมุมมืดออกมาบ้าง......เดี๋ยวนะ ขอไม่นินทาลับหลังก็แล้วกัน......
ตอนอายุสิบสองปี ผมกับอาเรียได้สาบานอนาคตเอาไว้ร่วมกัน
เป็นคำสาบานที่บอกว่าเมื่ออายุได้สิบห้าปีที่ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วพวกเราจะแต่งงานกัน
ดูเหมือนความลับเรื่องนี้จะหลุดไปถึงหูน้องสาวผม.......หลุดไปได้ยังไงล่ะเนี่ย
แถมพอข่าวหลุดออกไป น้องสาวผมก็ดูจะอารมณ์บูดไปพักหนึ่ง
จำได้เลยว่าตอนง้อน้องสาวนี่เหนื่อยแทบรากเลือด......โอ๊ะ ต้องเล่าเรื่องอาเรียสินะ
อาเรียถูกทางโบสถ์เลือกให้เป็น “สตรีศักดิ์สิทธิ์” ตอนอายุสิบสามปี และเพื่อออกไปปราบจอมมารที่ปรากฏตัวขึ้นในปีนั้น อาเรียได้ออกเดินทางร่วมกับผู้ที่ถูกเลือกให้เป็นผู้กล้าในลักษณะเดียวกันแบบไม่ค่อยเต็มใจ
ถ้าถามว่าเพราะอะไรถึงไม่ค่อยเต็มใจ ก็เพราะตัวอาเรียนั้นไม่อยากไปนั่นเอง
คงจะมีแต่ผมกระมังที่รู้ว่าอาเรียยอมไปเพราะทนเสียงกดดันจากพ่อแม่ตัวเองและพวกผู้ใหญ่ที่อยู่รอบตัวไม่ได้ เพราะเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นอาเรียก็จะทำเพียงยิ้มหวานออกมาเหมือนทุกครั้ง
ตัวผมในตอนนั้นมีความคิดว่าควรปล่อยอาเรียไปโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำจริงๆ น่ะเหรอ
ผมควรลงมือทำอะไรสักอย่างสิ......
ดังนั้นผมจึงหันหน้าไปทางแผ่นหลังของอาเรียที่กำลังจะเดินตามคนของโบสถ์ไปแล้วตะโกนดังลั่น
“ฉันก็จะไปด้วย!”
อาเรียที่หันมาเพราะคำพูดของผมเผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าออกมาด้วยความยินดี แต่พวกผู้ใหญ่ที่อยู่รอบๆ นี่สิ พวกเขาหันมามองผมด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจ
จากนั้น มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินแหวกกลุ่มผู้ใหญ่ออกมา
“สามัญชนอย่างแกคิดจะตามไปปราบจอมมารด้วยงั้นเหรอ?”
เด็กหนุ่มคนนั้นมองผมด้วยสายตาที่เหมือนกำลังประเมินสินค้า เขามีเส้นผมสีทองเข้ม ใบหน้าก็ดูหล่อเหลาผิดกับไอ้หนุ่มหน้าจืดอย่างผม ผมจำได้ดีว่าพอเขายืนคู่กับอาเรียแล้วช่างดูงดงามเข้ากันเหมือนเจ้าชายกับเจ้าหญิงที่อยู่ในภาพวาด
ผมรู้ว่าจะยอมถอยแค่นี้ไม่ได้เด็ดขาด จึงตะโกนต่ออย่างเกรี้ยวกราด
“สามัญชนแล้วยังไง! ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะตามไปด้วย!”
“ฮึ่~ม......งั้นฉันขอทดสอบหน่อยแล้วกัน”

ผลลัพธ์น่ะเหรอ ผมพ่ายแพ้ให้เด็กหนุ่มผมทองด้วยสภาพที่ดูไม่ได้
อาเรียพยายามจะเข้ามารักษาผมที่เต็มไปด้วยบาดแผล แต่เด็กหนุ่มกับพวกผู้ใหญ่บอกว่าเสียดายเวลาก็เลยโยนเหรียญเงินมาให้สองสามเหรียญบอกว่าเป็นค่ารักษา จากนั้นก็พาตัวอาเรียออกไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว
ความเจ็บแค้นใจและความรู้สึกไร้พลังทำให้ผมร้องไห้ไม่หยุด......
ตั้งแต่นั้นมาผมก็สวดอ้อนวอนให้อาเรียที่ออกเดินทางไปแคล้วคลาดปลอดภัยอยู่ทุกวัน รวมถึงฝึกฝนตัวเองอย่างบ้าคลั่ง
ตอนที่เพิ่งเริ่มฝึกฝนตัวเองผมก็ได้รู้ว่าเด็กหนุ่มที่เล่นงานผมจนสะบักสะบอมคนนั้นก็คือ “ผู้กล้า” แล้วพอคิดว่าไม่อยากแพ้ให้ผู้กล้าอีกตัวเองก็เลยรู้สึกมีไฟขึ้นมา
เพื่อการนั้น ผมได้เข้าไปยังกิลด์นักผจญภัย ลงทะเบียน แล้วฝึกฝนโดยอ้างอิงจากสเตตัสของตัวเองตามที่ระบุไว้ในบัตรกิลด์......
แต่ด้วยความที่ผมเป็นนายกระจอกแสนธรรมดา จะให้เก่งขึ้นแบบพรวดพราดก็คงไม่ได้ ความสามารถพิเศษอะไรก็ไม่มี ดังนั้นไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็แข็งแกร่งขึ้นมาได้แค่มากกว่าค่าเฉลี่ยของเด็กวัยเดียวกันนิดหน่อยเท่านั้น
ส่วนตอนที่ผมเริ่มมั่นใจว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นมานิดหน่อยแล้ว เวลาก็ได้ล่วงเลยไปถึงสองปี

ก่อนอายุผมจะแตะสิบห้าเล็กน้อย มีข่าวหนึ่งถูกป่าวประกาศไปทั่วโลก
“ปาร์ตี้ผู้กล้าปราบจอมมารสำเร็จแล้ว!”
ข่าวนั้นทำให้โลกถูกโอบล้อมไว้ด้วยความปลาบปลื้ม
ส่วนตัวผมนั้นยังรู้สึกใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ จนกว่าจะได้เห็นอาเรียด้วยตาตัวเอง
เมื่อเวลาผ่านไปพักหนึ่งหลังจากมีประกาศ ปาร์ตี้ผู้กล้าก็เดินทางกลับมายังเมืองหลวง
ดูเหมือนจะมาเพื่อรายงานว่าทำภารกิจปราบจอมมารสำเร็จและกลับมาแล้วโดยสวัสดิภาพ ตอนที่ปาร์ตี้ผู้กล้าเข้ามาในเมืองก็มีการจัดพาเหรดฉลองชัยกันเสียยกใหญ่
ผมเฝ้ามองขบวนอยู่จากที่ไกลๆ และเมื่อเห็นอาเรียเป็นหนึ่งในปาร์ตี้ผู้กล้าที่อยู่ใจกลางของขบวนพาเหรด ผมก็ยกมือขึ้นทาบอกด้วยความโล่งใจ
ปาร์ตี้ผู้กล้าเคลื่อนตัวเข้าปราสาทไป จากนั้นพักหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งตรงระเบียงปราสาทที่สามารถมองเห็นได้ทั้งเมืองพร้อมกับพระราชา
พระราชาได้กล่าวว่าเหล่าผู้กล้าได้ทำการต่อสู้อย่างห้าวหาญจนสามารถปราบจอมมารลงได้สำเร็จ ผมนึกว่าการชมเชยปาร์ตี้ผู้กล้าจะดำเนินต่อไปแบบยาวเหยียด แต่จู่ๆ พิธีก็หยุดลง และผู้กล้าได้เข้าไปยืนข้างๆ พระราชา
“เก่งมากที่ปราบจอมมารได้สำเร็จ”
“ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ”
“เอาละ ผู้กล้า......เจ้าปรารถนาอะไรเป็นสิ่งตอบแทนบ้างมั้ย?”

“สิ่งที่ผมปรารถนา มีแค่อย่างเดียว-------”
ผู้กล้ากล่าวเช่นนั้นแล้วดึงตัวอาเรียออกมาจากปาร์ตี้ที่ยืนรออยู่ด้านหลัง
“คือการรับสตรีศักดิ์สิทธิ์อาเรียเอาไว้เป็นภรรยา”
พริบตาที่ผู้กล้ากำลังจะช่วงชิงจุมพิตของอาเรียไป ผมหลับตาปี๋ เอามืออุดหู และวิ่งออกจากสถานที่นั้น
เรื่องราวมันก็ต้องจบประมาณนี้ทั้งนั้น......แต่......
 

รายการที่อาจจะเกี่ยวข้อง